
–ท้าวความกันก่อน-
เนื่องจากในภาวะโลกในปัจจุบันตอนนี้อยู่ในวิกฤตจริงๆ ซึ่งผลกระทบที่ไม่คิดว่าจะโดนก็เกิดขึ้นกับผมแบบ อึ้งแดก สติพัง เลยจริงๆ แต่ก็ช่างมัน เรายังหายใจอยู่ ก็ทำทุกอย่างที่ทำได้และต้องทำ เหตุการณ์นี้ก็เป็นอีกเรื่องที่มาเยียวยา สติ ของผมให้เดินมาอยู่ในร่องในรอย ได้นิดนึง
หัวหน้าเก่า พี่สาวที่เราเคารพ ไลน์มาแจ้งประสงค์อยากให้เราไปช่วยงาน รับจ้อปพิเศษ ตอบตกลงแบบไม่มีเงื่อนไขใดใดทั้งสิ้น รู้มือเชื่อใจ กันพอสมควร แล้วงานที่ว่าก็คือ
ใช่ครับ ผมไป จัดการ ระบบการทำ Facebook LIVE ให้กับทีมงาน REV RUNNR ซึ่งจุดประสงค์หลักคือการ เปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่นั่นเอง และสินน้ำใจในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันไม่ใช่เงิน แต่เป็น รองเท้าวิ่งที่ผมจะมาเล่าให้อ่านในครั้งนี้นั่นเอง
HOKA ONE ONE CARBON X-SPE

สารภาพว่าครั้งแรกที่เห็นและอ่านออกเสียงแบรนด์นี้ ผมอ่านว่า
“โฮกา วัน วัน” ซึ่งจริงๆเค้าอ่านกันว่า “โฮกา โอเน โอเน” แหม่ โคตร คิกขุ เสียนี่กะไร ประวัติที่มาที่ไปของแบรนด์ ขอข้ามไม่มีความรู้และไม่อยากเอาความรู้ของคนอื่นมาแปะด้วย ยุคนี้ข้อมูลทุกคนสามารถเข้าถึงได้ทัดเทียมกันอยู่แล้วครับ หากแค่ความ พยายามเท่านั้น ที่ไม่เท่ากัน
อ้าว ! แต่สิ่งที่จะมาบอกเล่าให้ อ่าน ก็คือความรู้สึกของการสวมใส่ วิ่ง ครั้งแรกของผม ก็แค่นั้น
โอ้ย เวิ่นเว้อ

กลับจากทำงานพิเศษนั้นเสร็จ ก็ได้เจ้ารองเท้าคู่นี้มากลับมาถึงบ้าน ไม่รอช้าเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่วิ่งในทันที (ทั้งๆที่ภาวะแวดล้อมไม่สมควรกับการออกไปนอกเคหะสถานเอาซะเลย แต่ไม่ได้ มันคันเท้ามากๆ) ซึ่งก็แน่นอนลืมไปเลยว่าตั้งใจไว้อีกฝากว่าจะถ่ายรูปไว้ทำรีวิวนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทุกอย่างมันดำเนินไปแล้ว

วูบแรกที่หยิบรองเท้าคู่นี้ ไม่สิ คงต้องบอกว่าตั้งแต่ตอนแรกที่รับกล่องรองเท้าคู่นี้มา เฮ้ย ทำไม มัน เบา จังวะ ซึ่งมันเบาแบบ เบาจริงๆ ถ้าเทียบกับรูปทรงที่ดู เทอะทะ (พื้นมันหนาอ่ะ) แล้วไหนจะขนาดรองเท้าของผมที่กล่าวได้ว่าเป็นเบอร์รองเท้าที่ใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่น้ำหนักกลับสวนทางอย่างน่าทึ่ง

ณ ตอนนั้นที่หยิบออกมาจากกล่อง แล้วพิจารณาโดยรวมแล้ว สำหรับผมนะ ผมติดภาพลักษณ์ว่ามันเหมือนรองเท้า แมสคอต (พวกตุ๊กตาคนใส่อ่ะ) มีความอ้วนๆ กลมๆ ดูน่ารักมากกว่าจะเน้นประสิทธิภาพ

แต่พอได้ สัมผัส จับ สวมเท้าเข้าไปเท่านั้นแหล่ะ ยอมแพ้ ในความพิเศษของรองเท้าคู่นี้ทันที ปกติผมก็มี ทดลอง หรือ เป็นเจ้าของรองเท้าวิ่งของแบรนด์ต่างๆพอสมควร แต่ไม่ถึงกับขั้น วิเคราะห์ได้ลึกซึ้งนะ ส่วนมากเน้น ความรู้สึกส่วนตัวมากกว่า และด้วยความที่ช่วงนี้ ตัวผม รีเวิส กลับมาฉุฉะ อีกแล้ว รองเท้าวิ่งสายทำความเร็วนี่ไม่อยู่ในสาระบบ ของผมแน่นอน ส่วนใหญ่จะมองหารองเท้าที่มา แก้ปัญหาหรือช่วยสนับสนุนเรามากกว่า

ที่บอกว่าพิเศษสำหรับผม เพราะภายใน ห้องเท้า มีเนื้อที่กว้างพอสมควร ไม่ได้แคบอย่างที่คิดไว้ตอนแรกเลย ส่วนตัว แผ่นรองมันดึงออกมาได้นะแต่มีรอยกาวอยู่เลยคิดว่าไม่ดึงน่าจะดีกว่า

และรวมถึงความสบายของหน้าผ้าในรุ่นนี้ที่ ทีมงานเค้าบอกไว้ว่า เป็นตัวชูโรง สำหรับรุ่นนี้เลยก็ว่าได้เพราะเป็นการปรับเปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้านี้ ทักเอาเองว่าที่ชื่อรุ่น SPE น่าจะมาจาก SPECIAL นั่นเอง

โดยในชั้นนอกสุดขออธิบายแบบ บ้านๆนะ มันเหมือนตาข่ายพลาสติกบางๆ ส่วนอีกชั้นก็เป็นวัสดุผ้าที่มีความยืดได้ พอมันประกบทับกันก็ลงตัวแบบไม่น่าเชื่อ คือมันมีความกระชับที่พอดีแต่ก็ให้ตัวได้พอสมควร ถ้าอยากเข้าใจ ไปลองใส่ดู จะได้รู้

ถัดมา ตอนแรกผมไม่ค่อยสันทัดกับรองเท้าแบบประเภท สวม เท่าไหร่ เพราะเคยใส่รองเท้าประเภทนี้แล้วรู้สึกว่ามันไม่ถูกจริตส่วนตัวผมเท่าที่ควร อาจจะเพราะ มันจะเหมือนเราใส่ ถุงเท้าที่มีพื้น อะไรประมาณนั้น โครงสร้างมันเลยไม่มั่นคง ยิ่งเท้าใหญ่ๆ มันจะยิ่งต้องการความมั่นคงพอสมควรอยู่แล้ว
แต่สำหรับ HOKA คู่นี้ ตัวขอบผ้าที่ทำการเย็บเข้าขอบมาดีเลย กระชับจริง ให้ตัวได้เยอะพอสมควร รวมทั้งตัวกันส้นเท้า สีส้ม ที่ไม่แข็งมากพอให้มีการบิดตัวได้ ทำให้เวลาเราสวมเท้าไม่ยากอย่างที่คิดและกระชับในทันทีที่สวมเข้าไป ผนวกกับหน้าผ้าที่กล่าวไว้ข้างต้น มันเลยลงตัวจริงๆ




สำหรับผมแล้ว ส่วนสูง 180 เซ็นติเมตร ต่อน้ำหนักตัว 89 กิโลกรัม ถือว่า มหึมา เลยนะ แต่คุณสมบัติพิเศษ และ วัสดุ พื้นโฟมของรองเท้ารุ่นนี้ ทำหน้าที่รับน้ำหนักนั้นได้ดีมาก อันนี้ให้คะแนน เต็มเลย อาจจะด้วยเพราะกายภาพของพื้นที่หนาด้วยแหล่ะ ทำให้ทุกครั้งที่ย่ำเท้าลงไปมัน นุ่ม แน่น ดีจริง และถ้าดูดีดี ก็จะเห็นเลยครับที่อยู่ของพระเอกของรุ่นนี้

แน่นอนครับ กระแสหลักของโลกแห่งการวิ่งในตอนนี้ พระเอกเดียวที่เข้าทดแทนและได้รับกระแสดีทั่วโลก
CARBON FIBER
เทคโนโลยีที่ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ใต้เท้าของเรา
นักวิ่งทั่วโลกคงรู้อยู่แล้วว่าในเวลานี้ เจ้าแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์มันได้เข้ามาพลิกวงการรองเท้าวิ่งของเราได้สักระยะแล้ว โดยแบรนด์ที่เน้นเทคโนโลยี และ วิทยาศาตร์การกีฬาอย่าง NIKE ที่เป็นรายแรกของโลกก็ว่าได้ที่ จุติ สิ่งนี้ขึ้นมา และอีกๆหลาย เหตุการที่ตอกย้ำว่า ถ้าไม่มี สิ่งนี้ คุณไม่มีทางก้าวผ่านเส้นขอบของมนุษยชาติได้แน่นอน

ต้องออกตัวก่อนว่า กับสิ่งนี้ผมเคยได้แค่ ลองส่วมใส่รองเท้าของ ไนกี้ มาก่อนแต่แค่ สวมเดินเท่านั้น ในตอนนั้นก็จำได้ว่ามันก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรนี่หว่า แต่ต้องเข้าใจว่าแค่ใส่เดินมันคงไม่เห็นผลแน่นอน
มาครั้งนี้ในใจผมขอลองแบบเน้นๆเลย อยากรู้มากๆว่าความรู้สึกของ ไอ้แผ่นคาร์บอน เนี่ยมันเป็นยังไงวะ มันจะทยานสักแค่ไหนกัน
ก้าวแรกที่ออกวิ่ง จนไปถึงเสียงนาฬิการ้อง ติ๊ดๆ ว่าครบ 1 กิโลเมตรแรกแล้วนะ
บอกตรงๆ ผมไม่รู้สึก ว่าไอ้แผ่นคาร์บอน มันทำงานยังไงเลย กลับกลายเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนน่าจะเป็นเรื่องของความนุ่ม และ ดึ๋งๆ ของพื้นที่เท้าเราได้สัมผัสมากกว่าเสียอีก
หรือ กูหนักไปวะ ? หรือนี่แหล่ะ ความรู้สึกของแผ่นคาร์บอน ?
วิ่งไป ถามตัวเองไป สังเกตุ จดจ้อง จอจ่อ อยู่แต่กับที่พื้นเท้า ทั้ง ลงเน้นเท้า ลงปลายเท้า จนในที่สุด ที่ชัดเจนและโดดเด่นพุ่งทะลุออกมาคือ HR
ผม หอบ ครับ (อาจจะเพราะร่างกาย ไม่แข็งแรงเนื่องจากขาดการซ้อมวิ่งมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนตั้งแต่ โคโรน่า เริ่มกำเนิด)
ผมจึงต้องผ่อน เท้าลง แล้วมองนาฬิกา ชิบหาย วิ่งไปทำไม เพส หก ไม่หัวใจวายก็ดีแล้ว
จนในที่สุด ผมก็ พบคำตอบที่ผมสงสัย ในระยะที่กิโลเมตรที่ 3 กว่าๆ ผมรู้สึกได้เลยว่า รอบขา การควงเท้าของผม มันสอดประสานกันดีแบบมีนัยยะ มีความมั่นคงในทุกๆการก้าวเท้าและลงเท้า พื้นที่ นุ่นและแน่น นั่นก็ส่วนประกอบนึงแต่ อะไรที่มันทำให้ เท้าเรามั่นคง แบบนี้
ใช่เลย แผ่นคาร์บอน นี่เอง ที่ทำทั้งหน้าที่ ส่งแรงคืนเท้ารวมทั้ง พยุงให้โครงพื้นเท้าไปบิดรูป ยิ่งทำให้เราสูญเสียแรงส่งที่น้อยลงแต่ได้แรงคืนกลับมาให้ปริมาณที่เกือบเท่าเดิม

และที่แน่นอนยิ่งกว่าก้คงเป็นเพราะ กายภาพของพื้นรองเท้า OHKA ที่มีเอกลักษณ์ โค้ง ด้วยแหล่ะจึงทำให้ การควงเท้า รอบขา ของผมเป็นไปอย่างสมดุล แต่จะไม่ได้วิ่งทำความเร็วแต่ ความสนุกในการวิ่งมันให้ผมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และแม้จะได้ลองทดสอบวิ่งเพียงระยะทางแค่ 5 กิโลเมตร บนถนนและทางเท้า ในกรุงเทพฯ ก็บอกเลยว่า รองเท้ารุ่นนี้สามารถใส่วิ่งในสภาพพื้นที่มีความกระด้างได้ดีมากๆ แต่ผมเสียดายที่ลืม ลอง อัดความเร็วกับเจ้าตัวนี้ไป เพราะตอนนั้นผม สนุกกับ การควงเท้าที่ความเร็วเนิบๆแบบนั้นจริงๆ แต่ไว้ยังไงจะลองไป อัดความเร็ว ที่เพส สี่ ดูสักตั้ง ว่าจะไหวและเอาอยู่หรือเปล่า … หมายถึง สังขาร ผม นะ





โดยสรุปส่วนตัวผมหลังได้ลองใส่วิ่งไป 5 กิโลเมตร + เดิน 1 กิโลเมตร
รองเท้าคู่นี้ เหมาะ กับใคร ยังไง เพื่ออะไร
– เหมาะมากถ้าคุณอยาก ลอง เทคโนโลยี ขั้นสุดในการผลิตรองเท้า
– เหมาะมากถ้าคุณเป็น นักวิ่ง ที่วิ่งเป็นกิจวัตรประจำวัน
– เหมาะสำหรับคนที่ซื้อ ไนกี้ เนกเปอร์เซ็นไม่ทัน และหนำซ้ำ ราคารองเท้า HOKA ยังถูกกว่าด้วย
– เหมาะกับคนที่ชอบการวิ่งแบบ เน้นการควงเท้า ฝึกการลงเท้าใหม่ๆ มันสนุกดี สำหรับการหาทิศทาง รูปแบบการวิ่งของตัวเราเองในแบบอื่นๆ
– ถ้าคุณต้องการรองเท้าใส่แข่งขัน อันนี้ผมไม่รับปากว่าเหมาะกับคุณไหม คุณเท่านั้นที่จะตอบได้
– ถ้าคุณไม่ชอบรองเท้าสีอ่อนๆ ในตอนนี้มันมีแค่สีนี้ คุณอดเลือก
– ถ้าคุณอยากวิ่งและได้ประสบการณ์ สังคมดีดี ให้คุณไปซื้อกับ REV RUNNR ผมว่าที่นี่เค้ามีพลังบวกดีดี ให้คุณแน่นอน
และสุดท้าย

ไม่รู้จะพิมพ์อะไรและ ใส่วิ่งแค่ครั้งเดียวก็ได้ประมาณนี้แหล่ะ และก็โดนพักกันยาวเลยกว่าพวกเราจะกลับมา วิ่ง เล่น ตามสวน หรือ งานวิ่งได้อีก ช่วงนี้ก้หา กิจกรรม หรือ การออกกำลังกายแบบอื่นๆ ทดแทนกันไปก่อนนะครับ ครั้งที่ สวนเปิด โลกกลับมาสดใส เราจะได้พร้อมไป โลดแล่น ได้อย่างสนุกสนาน อีกครั้ง
ขอได้รับคำขอบคุณจาก
#REVOnlineStore
#REVRUNNR
#HOKAONEONETH
#timetofly
#CarbonXSPE
และ
#โต๊ะกินข้าวสตูดิโอ